วันที่นำเข้าข้อมูล 24 เม.ย. 2566
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 เม.ย. 2566
ธุรกิจและบริษัทต้องเสียภาษีให้แก่รัฐบาล เป็นการเสียภาษีในรูปแบบของภาษีนิติบุคคลที่ธุรกิจหรือบริษัทได้รับรายได้ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจการ โดยรัฐบาลได้จัดเก็บภาษีในรูปแบบคงที่ในอัตราร้อยละของรายได้ที่ได้รับ ซึ่งแตกต่างจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เก็บภาษีแบบก้าวหน้า
อัตราภาษีนิติบุคคลของออสเตรเลีย
ปีงบประมาณ (ค.ศ.) |
เกณฑ์รายได้/ยอดขาย (ดอลลาร์ออสเตรเลีย) | อัตราภาษีสำหรับบริษัทที่มีรายได้/ยอดขายต่ำกว่าเกณฑ์ |
อัตราภาษีสำหรับบริษัทอื่น ๆ |
2018-19 ถึง 2019-20 | 50 ล้าน | 27.5% | 30.0% |
2020-21 | 50 ล้าน | 26.0% | 30.0% |
2021-22 | 50 ล้าน | 25.0% | 30.0% |
บุคคลธรรมดาเมื่อมีรายได้เกินจำนวนที่กำหนดในแต่ละปีภาษี ซึ่งคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือน รายได้จากธุรกิจ และดอกเบี้ยที่ได้รับเงินฝากธนาคารหรือจากการลงทุนอื่น ๆ จะต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจัดเก็บในรูปแบบของภาษีก้าวหน้า เกณฑ์การเสียภาษีในปัจจุบันต้องมีรายได้ขั้นต่ำที่ 18,200 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี
อัตราภาษีบุคคลธรรมดาของออสเตรเลียในปี ค.ศ. 2019-2020
รายได้ต่อปี (ดอลลาร์ออสเตรเลีย) | อัตราภาษี |
0 – 18,200 | 0 |
18,201 – 37,000 | จ่าย 19 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 18,201 A$ ขึ้นไป) |
37,001 – 90,000 | จ่าย 3,572 A$ + 32.5 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 37,001 A$ ขึ้นไป) |
90,001 – 180,000 | จ่าย 20,797 A$ + 37 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 90,001 A$ ขึ้นไป) |
180,001 ขึ้นไป | จ่าย 54,097 A$ + 45 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 180,001 A$ ขึ้นไป) |
หมายเหตุ: C คือ เซนต์ และ A$ คือ ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ธุรกิจที่ต้องการจ้างแรงงานในออสเตรเลียต้องทราบระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้ เนื่องจากเงื่อนไขการจ้างงานมีความยืดหยุ่น นายจ้างจึงควรพิจารณารูปแบบของการจ้างงานที่ดีที่สุดให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจ หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญของรัฐบาลออสเตรเลียในการบริหารจัดการระบบการจ้างงานคือ Fair Work Ombudsman (FWO) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ http://www.fairwork.gov.au/
การจ้างงานในออสเตรเลียมีหลายรูปแบบ แต่ละธุรกิจมีระดับความยืดหยุ่นและความมั่นคงในงานที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อสัญญาการจ้างงานและผลประโยชน์ที่จะได้รับ โดยลูกจ้างทุกคนในออสเตรเลียจะได้รับสิทธิตามกฎหมาย ข้อตกลง และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย
อยู่ในระบบของ Fair Work Ombudsman (FWO) เกือบทุกประเภทงานได้รับความคุ้มครองจากอัตราค่าจ้างสมัยใหม่ (Modern Award) ซึ่งกําหนดรายละเอียดทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง อัตราค่าจ้างมีความแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรมและอาชีพที่ต่างกัน
(ปกติเรียกว่า ข้อตกลงวิสาหกิจ หรือ enterprise agreement) ข้อตกลงเป็นตัวกําหนดสิทธิของลูกจ้างที่พึงได้และความรับผิดชอบในฐานะลูกจ้างเฉพาะสถานที่ทำงานนั้น ๆ ข้อตกลงวิสาหกิจต่างจากอัตราค่าจ้างคือ จะมีการเจรจาต่อรองกันสําหรับข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง
ธุรกิจแต่ละประเภทกำหนดค่าแรงขั้นต่ำแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอาชีพและระดับของหน้าที่การงาน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเครื่องมือ (Pay and condition tools) ที่ใช้ค้นหาค่าแรงขั้นต่ำ ค่าแรง ค่าล่วงเวลา ค่าแรงการทำงานเป็นกะ ค่าแรงสำหรับการฝึกงาน และค่าแรงสำหรับผู้พิการในแต่ละสาขาอาชีพ สิทธิในการลาประจำปีและบทบัญญัติของการทำงานแต่ละประเภท และสิทธิที่ลูกจ้างพึงได้รับหากถูกเลิกจ้าง
ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ออสเตรเลียกำหนดค่าแรงขั้นต่ำมาตรฐานไว้ที่ 19.49 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมง หรือ 740.80 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์สำหรับการจ้างงานแบบเต็มเวลา และ 24.36 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมงสำหรับลูกจ้างที่ทำงานเป็นครั้งคราว (Casual workers) ซึ่งจะได้รับค่าจ้างเพิ่มอีกร้อยละ 25 ของค่าแรงสำหรับการจ้างงานแบบเต็มเวลา โดยค่าแรงขั้นต่ำจะมีการปรับทุกปีโดยคณะกรรมการเพื่อการจ้างงานที่เป็นธรรม (Fair Work Commission)
ค่าแรงขั้นต่ำสำหรับผู้พิการสามารถแบ่งได้ 2 แบบคือ
เป็นเงินสะสมที่นายจ้างต้องจ่ายให้ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 9.5 ของค่าจ้าง แต่ไม่ใช่การหักออกจากค่าจ้าง เป็นเงินเข้ากองทุนสะสมให้กับลูกจ้างที่ จดทะเบียนไว้ ในกรณีที่ลูกจ้างไม่เคยได้รับเงินบำนาญมาก่อน นายจ้างสามารถแนะนำกองทุนที่นายจ้างมีอยู่แล้วให้กับลูกจ้างได้ เงินส่วนนี้เป็นเงินสะสมให้กับลูกจ้างตามเงื่อนไข ดังนี้
แรงงานต่างชาติที่ต้องการทำงานในออสเตรเลียต้องได้รับอนุญาตก่อนเริ่มทำงาน จึงควรศึกษาเงื่อนไขการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้ผู้จ้างงานและแรงงานต่างชาติสามารถทำงานในออสเตรเลียโดยไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
สิ่งสำคัญที่ควรรู้สำหรับการจ้างแรงงานในออสเตรเลีย
ออสเตรเลียใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการและประกันสังคมประมาณ 184,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในปีงบประมาณ 2561-62 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสวัสดิการสังคมคือ Department of Human Services ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2547 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางสังคมและสาธารณสุขแก่ประชาชน หน่วยงานนี้มีหน้าที่ดูแลเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือประเภทต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำปรึกษาและให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ประชาชน ประกอบด้วยหน่วยงานย่อย 3 หน่วย คือ
ในปี 2562 Department of Human Services มีศูนย์บริการอยู่ทั่วประเทศ 339 แห่ง และมีการบริการลูกค้าที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษ โดยจัดหาล่าม และให้บริการด้านการแปลภาษาต่าง ๆ กว่า 230 ภาษา
จันทร์-ศุกร์ 8:30 - 16:30 น. (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)