ต้นทุนทางธุรกิจ

ต้นทุนทางธุรกิจ

วันที่นำเข้าข้อมูล 24 เม.ย. 2566

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 เม.ย. 2566

| 31 view

ต้นทุนทางธุรกิจ

1. อัตราภาษี

(1) ภาษีนิติบุคคล

ธุรกิจและบริษัทต้องเสียภาษีให้แก่รัฐบาล เป็นการเสียภาษีในรูปแบบของภาษีนิติบุคคลที่ธุรกิจหรือบริษัทได้รับรายได้ที่เกิดขึ้นจากการดำเนินกิจการ โดยรัฐบาลได้จัดเก็บภาษีในรูปแบบคงที่ในอัตราร้อยละของรายได้ที่ได้รับ ซึ่งแตกต่างจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่เก็บภาษีแบบก้าวหน้า

อัตราภาษีนิติบุคคลของออสเตรเลีย

ปีงบประมาณ  (ค.ศ.)

เกณฑ์รายได้/ยอดขาย   (ดอลลาร์ออสเตรเลีย) อัตราภาษีสำหรับบริษัทที่มีรายได้/ยอดขายต่ำกว่าเกณฑ์

อัตราภาษีสำหรับบริษัทอื่น ๆ

2018-19 ถึง 2019-20 50 ล้าน 27.5% 30.0%
2020-21 50 ล้าน 26.0% 30.0%
2021-22 50 ล้าน 25.0% 30.0%

 

(2) ภาษีบุคคลธรรมดา

บุคคลธรรมดาเมื่อมีรายได้เกินจำนวนที่กำหนดในแต่ละปีภาษี ซึ่งคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือน รายได้จากธุรกิจ และดอกเบี้ยที่ได้รับเงินฝากธนาคารหรือจากการลงทุนอื่น ๆ จะต้องจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจัดเก็บในรูปแบบของภาษีก้าวหน้า เกณฑ์การเสียภาษีในปัจจุบันต้องมีรายได้ขั้นต่ำที่ 18,200 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อปี

อัตราภาษีบุคคลธรรมดาของออสเตรเลียในปี ค.ศ. 2019-2020

รายได้ต่อปี (ดอลลาร์ออสเตรเลีย) อัตราภาษี
0 – 18,200 0
18,201 – 37,000 จ่าย 19 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 18,201 A$ ขึ้นไป)
37,001 – 90,000 จ่าย 3,572 A$ + 32.5 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 37,001 A$ ขึ้นไป)
90,001 – 180,000 จ่าย 20,797 A$ + 37 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 90,001 A$ ขึ้นไป)
180,001 ขึ้นไป จ่าย 54,097 A$ + 45 C ต่อ 1 A$ (คิดตั้งแต่ 180,001 A$ ขึ้นไป)

หมายเหตุ: C คือ เซนต์ และ A$ คือ ดอลลาร์ออสเตรเลีย

2. การจ้างแรงงาน

ธุรกิจที่ต้องการจ้างแรงงานในออสเตรเลียต้องทราบระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้ เนื่องจากเงื่อนไขการจ้างงานมีความยืดหยุ่น นายจ้างจึงควรพิจารณารูปแบบของการจ้างงานที่ดีที่สุดให้เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจ หน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญของรัฐบาลออสเตรเลียในการบริหารจัดการระบบการจ้างงานคือ Fair Work Ombudsman (FWO) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ http://www.fairwork.gov.au/

(1) รูปแบบของการจ้างงาน

การจ้างงานในออสเตรเลียมีหลายรูปแบบ แต่ละธุรกิจมีระดับความยืดหยุ่นและความมั่นคงในงานที่แตกต่างกัน ส่งผลต่อสัญญาการจ้างงานและผลประโยชน์ที่จะได้รับ โดยลูกจ้างทุกคนในออสเตรเลียจะได้รับสิทธิตามกฎหมาย ข้อตกลง และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตามกฎหมาย

  • อัตราค่าจ้างที่กําหนดไว้ตามกฎหมาย (awards)

อยู่ในระบบของ Fair Work Ombudsman (FWO) เกือบทุกประเภทงานได้รับความคุ้มครองจากอัตราค่าจ้างสมัยใหม่ (Modern Award) ซึ่งกําหนดรายละเอียดทั้งในส่วนของนายจ้างและลูกจ้าง อัตราค่าจ้างมีความแตกต่างกันไปตามประเภทของอุตสาหกรรมและอาชีพที่ต่างกัน

  • ข้อตกลง (agreement) งานภายใต้ข้อตกลงทางอุตสาหกรรม

(ปกติเรียกว่า ข้อตกลงวิสาหกิจ หรือ enterprise agreement) ข้อตกลงเป็นตัวกําหนดสิทธิของลูกจ้างที่พึงได้และความรับผิดชอบในฐานะลูกจ้างเฉพาะสถานที่ทำงานนั้น ๆ ข้อตกลงวิสาหกิจต่างจากอัตราค่าจ้างคือ จะมีการเจรจาต่อรองกันสําหรับข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

(2) ค่าแรงขั้นต่ำและค่าล่วงเวลา

ธุรกิจแต่ละประเภทกำหนดค่าแรงขั้นต่ำแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอาชีพและระดับของหน้าที่การงาน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากเครื่องมือ (Pay and condition tools) ที่ใช้ค้นหาค่าแรงขั้นต่ำ ค่าแรง ค่าล่วงเวลา ค่าแรงการทำงานเป็นกะ ค่าแรงสำหรับการฝึกงาน และค่าแรงสำหรับผู้พิการในแต่ละสาขาอาชีพ สิทธิในการลาประจำปีและบทบัญญัติของการทำงานแต่ละประเภท และสิทธิที่ลูกจ้างพึงได้รับหากถูกเลิกจ้าง

ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 ที่ผ่านมา ออสเตรเลียกำหนดค่าแรงขั้นต่ำมาตรฐานไว้ที่ 19.49 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมง หรือ 740.80 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อสัปดาห์สำหรับการจ้างงานแบบเต็มเวลา และ 24.36 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อชั่วโมงสำหรับลูกจ้างที่ทำงานเป็นครั้งคราว (Casual workers) ซึ่งจะได้รับค่าจ้างเพิ่มอีกร้อยละ 25 ของค่าแรงสำหรับการจ้างงานแบบเต็มเวลา โดยค่าแรงขั้นต่ำจะมีการปรับทุกปีโดยคณะกรรมการเพื่อการจ้างงานที่เป็นธรรม (Fair Work Commission)

ค่าแรงขั้นต่ำสำหรับผู้พิการสามารถแบ่งได้ 2 แบบคือ

  1. หากความพิการไม่ได้มีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานจะได้รับค่าแรงเทียบเท่ากับบุคคลทั่วไปแต่
  2. หากความพิการมีผลต่อการทำงานจะต้องคำนวณเป็นร้อยละของความสามารถในการทำงานเปรียบเทียบกับบุคคลทั่วไป และรับค่าจ้างเป็นอัตราส่วนตามความสามารถ

(3) กองทุนเงินบำนาญ (Superannuation)

เป็นเงินสะสมที่นายจ้างต้องจ่ายให้ลูกจ้างในอัตราร้อยละ 9.5 ของค่าจ้าง แต่ไม่ใช่การหักออกจากค่าจ้าง เป็นเงินเข้ากองทุนสะสมให้กับลูกจ้างที่ จดทะเบียนไว้ ในกรณีที่ลูกจ้างไม่เคยได้รับเงินบำนาญมาก่อน นายจ้างสามารถแนะนำกองทุนที่นายจ้างมีอยู่แล้วให้กับลูกจ้างได้ เงินส่วนนี้เป็นเงินสะสมให้กับลูกจ้างตามเงื่อนไข ดังนี้

  • อายุระหว่าง 55-60 ปี (ขึ้นอยู่กับปีที่เกิด) และเกษียณอายุ หรืออายุ 65 ปีขึ้นไป
  • เสียชีวิต โดยจะจ่ายให้กับทายาทตามสัดส่วนที่ระบุไว้ในบัญชี
  • ปัญหาสุขภาพร้ายแรง และต้องมีการรับรองจากแพทย์อย่างเป็นทางการ
  • ผู้ที่ต้องการออกนอกประเทศออสเตรเลียอย่างถาวร ต้องมีการรับรองจาก Department of Home Affairs ของออสเตรเลียว่า ออกนอกประเทศอย่างถาวร

(4) การจ้างแรงงานต่างชาติ

แรงงานต่างชาติที่ต้องการทำงานในออสเตรเลียต้องได้รับอนุญาตก่อนเริ่มทำงาน จึงควรศึกษาเงื่อนไขการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อให้ผู้จ้างงานและแรงงานต่างชาติสามารถทำงานในออสเตรเลียโดยไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง

สิ่งสำคัญที่ควรรู้สำหรับการจ้างแรงงานในออสเตรเลีย

  • ออสเตรเลียมีกฎหมายแรงงานคุ้มครองทุกคนที่ทำงานถูกต้องตามกฎหมายอย่าง เท่าเทียมกันทั้งชาวออสเตรเลียและแรงงานต่างชาติ
  • แรงงานต่างชาติทุกคนที่จะทำงานในออสเตรเลียต้องมีวีซ่าอย่างถูกต้องและได้รับอนุญาตให้ทำงานได้ วีซ่าชั่วคราวที่อนุญาตให้ผู้ถือวีซ่าทำงานในออสเตรเลีย เช่น วีซ่า Working Holiday (subclass 417) วีซ่า Work and Holiday (subclass 462) วีซ่านักเรียน (subclass 500) และวีซ่า Temporary Skill Shortage (subclass 482) วีซ่าที่ไม่อนุญาตให้ทำงาน ได้แก่ วีซ่าท่องเที่ยว (Visitor  visa (subclass 600) Tourist stream) เป็นต้น
  • วีซ่านักเรียนอนุญาตให้ทำงานได้ไม่เกิน 40 ชั่วโมงต่อสองสัปดาห์
  • ผู้จ้างงานมีหน้าที่ตรวจสอบสถานะของวีซ่าและการอนุญาตทำงานของลูกจ้าง ดังนั้น ผู้จ้างงานอาจขอดูหนังสือเดินทางเพื่อตรวจสอบสถานะวีซ่าของลูกจ้าง โดยการตรวจสอบจะต้องได้รับอนุญาตจากลูกจ้างก่อน
  • ผู้จ้างงานไม่มีสิทธิยกเลิกวีซ่าของลูกจ้าง มีเพียง Department of Home Affairs เท่านั้นที่จะสามารถออกวีซ่า ยกเลิกวีซ่า หรือปฏิเสธการออกวีซ่าได้
  • สำหรับผู้ที่ถือวีซ่า subclass 482 ซึ่งเป็นแรงงานที่มีทักษะ (Skilled worker) สามารถทำงานได้ 2 – 4 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและประเภทของวีซ่า โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้จ้างงานหรือสปอนเซอร์ มีทักษะที่เหมาะสมกับงานนั้น และมีทักษะภาษาอังกฤษขั้นต่ำตามที่กำหนดไว้
  • รายละเอียดเกี่ยวกับวีซ่าประเภทต่าง ๆ สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ของ Department of Home Affairs

(5) สวัสดิการและประกันสังคม

ออสเตรเลียใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการและประกันสังคมประมาณ 184,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ในปีงบประมาณ 2561-62 หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสวัสดิการสังคมคือ Department of Human Services ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2547 มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางสังคมและสาธารณสุขแก่ประชาชน หน่วยงานนี้มีหน้าที่ดูแลเรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือประเภทต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังให้คำแนะนำปรึกษาและให้ข้อมูลที่จำเป็นแก่ประชาชน ประกอบด้วยหน่วยงานย่อย 3 หน่วย คือ

  • Centrelink มีหน้าที่หลักๆ คือ การจ่ายเงินสงเคราะห์ครอบครัว เงินบำนาญ เงินสนับสนุนยังชีพแก่ผู้พิการและเด็ก เงินช่วยเหลือแก่ผู้กำลังหางาน นักศึกษา และผู้ฝึกงาน จ่ายเงินช่วยเหลือและให้บริการแก่ผู้ที่อยู่ในชนบทห่างไกล จ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ดูแลคนชรา คนพิการ หรือเด็กเล็ก เป็นต้น ในพื้นที่ที่มีจำนวนประชากรน้อย Centrelink จะไม่มีสำนักงาน แต่จะจ้างคนท้องถิ่นทำงานเป็นตัวแทนขององค์กรให้บริการประชาชนในเขตนั้น
  • Medicare (หน่วยงานประกันสุขภาพ) เป็นหน่วยงานที่ช่วยเหลือและดูแลด้านสุขภาพและการรักษาพยาบาล โดยการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลและค่ายารักษาโรค รวมทั้งมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้วัคซีนแก่เด็ก และการบริจาคอวัยวะ
  • Child Support เป็นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินและการให้คำปรึกษาแก่ผู้ปกครองที่แยกกันอยู่ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของลูก

ในปี 2562 Department of Human Services มีศูนย์บริการอยู่ทั่วประเทศ 339 แห่ง และมีการบริการลูกค้าที่ไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษ โดยจัดหาล่าม และให้บริการด้านการแปลภาษาต่าง ๆ กว่า 230 ภาษา