ในโอกาสดังกล่าว Mr. Jonathan Muir อธิบดีกรมพิธีการทูต กระทรวงการต่างประเทศและการค้าออสเตรเลียได้กล่าวเชิญชวนแขกผู้มีเกียรติร่วมดื่มถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและประชาชนชาวไทย และเอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวเชิญชวนแขกผู้มีเกียรติร่วมดื่มถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ ๓ แห่งเครือจักรภพและประชาชนชาวออสเตรเลีย

 

จากนั้น เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์สดุดีและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจเพื่อความผาสุกของพสกนิกรชาวไทย รวมถึงพระราชทานปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งได้เป็นแนวทางให้แก่ประเทศไทยในการส่งเสริมการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน โดยทรงได้รับการสดุดีพระเกียรติคุณจากนานาประเทศ นอกจากนี้ ได้น้อมรำลึกถึงบทบาทของพระองค์ในการกระชับและเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยกับออสเตรเลีย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของมิตรภาพที่แนบแน่นระหว่างทั้งสองประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ไทยและออสเตรเลียได้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่มีความร่วมมือช่วยเหลือเกื้อกูลกันทุกด้าน และต่างมีศักยภาพที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในทุกมิติทั้งการเสริมสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค การขับเคลื่อนความร่วมมือทางเศรษฐกิจไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ตลอดจนการเสริมสร้างปฏิสัมพันธระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศให้มีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น และปีนี้เป็นโอกาสพิเศษที่ไทยกับออสเตรเลียมีความสัมพันธ์สืบเนื่องมายาวนานถึง ๗๒ ปี ซึ่งตรงกันกับปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนมพรรษาครบ ๗๒ พรรษา ในกานี้ เอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า ไทยจะทำงานร่วมกับออสเตรเลียเพื่อผลักดันความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ให้มีผลเป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย

 

นาย Luke Gosling OAM, MP สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมือง Solomon ดินแดนนอร์เทิร์นเทร์ริทอรี ผู้แทนพิเศษของนายกรัฐมนตรีกำกับดูแลด้านการทหาร กิจการทหารผ่านศึก ในฐานะประธานกลุ่มมิตรภาพรัฐสภาไทย-ออสเตรเลีย ได้ร่วมกล่าวแสดงความยินดีและกล่าวถึงความสำคัญของวันชาติไทย ย้ำความสัมพันธ์และมิตรภาพที่แนบแน่นระหว่างไทยกับออสเตรเลียที่ดำเนินมา ๗๒ ปี และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในกรอบต่าง ๆ เพื่อนำมาซึ่งเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาค

 

ในโอกาสดังกล่าว วงดนตรีของวิทยาลัยการทหารดันทรูนได้ให้เกียรติร่วมบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงชาติออสเตรเลียและสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้จัดเลี้ยงอาหารคาวหวานไทยให้แก่แขกที่ร่วมงาน พร้อมอัญเชิญเพลงพระราชนิพนธ์ให้ผู้ร่วมงานได้รับฟัง